นวดไทย สมุนไพรไทย สร้างสุขทุกวัย
17 กันยายน 2021“เปิดกรุ…ท่าบริหารเอกลักษณ์ของชาติไทย”
17 กันยายน 2021“หมอชีวกโกมารภัจจ์”
หมอชีวกโกมารภัจจ์ อ่านว่า (หมอ-ชี-วะ-กะ) ไม่ใช่ (หมอ-ชี-วก)
เรื่องราวของหมอชีวกโกมารภัจจ์เริ่มขึ้นในสมัยพุทธกาลชีวกะเป็นบุตรของหญิงงามเมืองผู้หนึ่ง ถูกมารดาทิ้งแต่กำเนิด ชาววังของพระเจ้าพิมพิสารมาพบเข้าจึงเก็บไปเลี้ยง เมื่อโตขึ้นจึงได้เดินทางไปศึกษาวิชาการแพทย์จากพระอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ณ เมืองตักกสิลา ถึงจะเป็นคนที่มีความฉลาดหลักแหลมแต่ก็ใช้เวลาศึกษาอยู่นานถึง 7 ปี จนกระทั่งวันหนึ่ง อาจารย์ก็ได้สั่งว่า “เธอจงออกไปสำรวจรอบเมืองตักกสิลา และนำพืชที่ไม่สามารถทำเป็นยารักษาโรคมาให้อาจารย์” หมอชีวก กล่าวรับคำ และเริ่มการค้นหาตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ก็มิเป็นดั่งหวัง หมอชีวกะใช้เวลาค้นหาอยู่นาน แต่ก็ไม่พบพืชพันธุ์ที่ไม่สามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้ หมอชีวกะจึงกลับไปหาอาจารย์ด้วยความผิดหวัง และคิดว่าตนนั้นล้มเหลวแล้วเป็นแน่ และได้กราบเรียนอาจารย์ไปตามตรงว่า “กระผมได้ออกสำรวจไปจนรอบเมืองตักกสิลาแล้ว มิได้เห็นสิ่งใดไม่เป็นยาสักอย่างหนึ่งเลย” อาจารย์ได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวต่อว่า “ถ้าเช่นนั้น เธอได้จบการศึกษาแล้ว เพราะเธอมีความรู้แตกฉานว่า พืชทุกชนิด ล้วนมีสรรพคุณเป็นยา ไม่เว้นแม้แต่หญ้าสักต้นเดียว” เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว หมอชีวกจึงได้กราบลาอาจารย์ของตน และเดินทางกลับไปเป็นแพทย์ที่กรุงราชคฤห์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง และได้เริ่มทำการรักษาผู้คนในเมือง โดยไม่คำนึงถึงชนชั้นวรรณะ จนกระทั่งความสำเร็จในการรักษาของเขาทำให้เขามีชื่อเสียงเลื่องลือ ทั้งได้เป็นแพทย์ประจำพระองค์พระเจ้าพิมพิสารและพระโคตมพุทธเจ้า และด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาหมอชีวกะจึงได้กลายมาเป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า และเป็นที่ยอมรับนับถือของผู้ศึกษาวิชาแพทย์แผนไทยมาตราบจนถึงปัจจุบัน
และนี่ก็คือที่มาของหมอชีวกโกมารภัจจ์ และวลีที่ว่า “ไม่มีพืชใดไม่เป็นยา” หากอยากพิสูจน์ว่าพืชทุกชนิดเป็นยาหรือไม่ ลองเดินทางมาเยี่ยมชมอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ หรือนักศึกษาแพทย์แผนไทยอยากจะศึกษาสมุนไพรสดก็สามารถเข้าชมที่อุทยานธรรมชาติวิทยาฯ ได้เช่นกัน